จดทะเบียนสมรส…..เกือบจะไม่มี ภาวินี ปีเตอร์สัน
หลังจากดารินกลับไปบ้าน ก็ไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงานค่ะ เราคุยกันทางอีเมล์ และ โทรศัพท์ ตามปรกติ แล้ววันหนึ่งดารินก็บอกว่าคุยกับทนายได้ความมาว่า ต้องมีทะเบียนสมรสเท่านั้นถึงจะได้เข้าปรเทศได้โดยไม่มีปัญหา (น่าจะพูดว่าปัญหาน้อยที่สุด) สรุปว่าตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุนี้ แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเกี่ยวกับการแต่งงานเลย แม้แต่กำหนดวัน ยังคงคุยกันเรื่องชีวิตประจำวันเหมือนปรกติ
จนกระทั่งกำหนดการเดินทางในเดือนเมษายน 2549 (2005) ก่อนดารินเดินทาง 1 สัปดาห์ดารินบอกว่ากำลังจะโอนเงินมาให้เป็นสินสอด.
(ขอพูดถึงสินสอดนิดนึงนะค่ะ…เราได้คุยกันตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกันเรื่องนี้ เพราะวัฒนะธรรมอเมริกันเขาไม่มี โอ้ทก็ให้ข้อมูล และเวบไซด์ดารินไป ดารินถามว่าโอ้ทอยากได้เท่าไร ที่ตอบไปคือโดยส่วนตัวไม่อยากได้ค่ะเพราะหากรักกันก็ไม่จำเป็นแต่อยากให้พ่อแม่ตามประเพณี ถ้าเป็นไปได้ อยากได้ 1 ล้านบาท ดารินก็เงียบไป แล้วเราก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย มารู้ทีหลังว่าตอนแรกดารินเกือบตกเก้าอี้หน้าคอมตอนคุยกัน เพราะคิดว่า 1 ล้านอเมริกัน)
ดารินบอกโอ้ทว่าในเดือนเมษายน ต้องเสียภาษีซึ่งทำให้เงินมีน้อย ทำให้ดารินกังวลว่าจะให้ได้ไม่มากพอที่แม่พอใจ (ทางพ่อไม่มีปัญหาอะไรค่ะเพราะพ่อเองไม่ได้เรียกร้องอะไรอยู่แล้ว) โอ้ทพยายามถามจำนวนแต่ดารินไม่บอก มารู้ในวันที่เงินเข้าบัญชี (ใช้บัญชีน้องสาวเพราะตอนนั้นโอ้ทเพิ่งเปิดบัญชีใหม่ ระยะเวลายังไม่สามารถรับเงินโอนต่างประเทศได้) น้องสาวโทรมาด่วนมากค่ะ เพราะจำนวนเงินมากพอควร …
ดารินอีเมล์มา บอกว่าอย่าคิดว่าเขาซื้อเราเพราะจากเรื่องราว หญิงไทยที่ทำให้ผู้ชายต่างชาติคิดไปในด้านลบเยอะ แต่ดารินเขารู้ว่าโอ้ทไม่เป็นแบบนั้น อีกอย่างเรื่องเงินมันเป็นการดูถูกอย่างรุนแรง ดารินต้องการให้ความเคารพครอบครัวเรา และพ่อแม่เรา ทั้งต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้องตามประเพณี อันที่จริงก็ถามเรื่องพิธีแต่งงานแบบไทย แต่โอ้ทยังไม่อยากทำในตอนนี้ ..
โอ้ทไม่ได้บอกพ่อ กับ แม่ว่าจะแต่งงานค่ะ แค่ถามว่าถ้าจะแต่งงานท่านจะว่าอย่างไร คำตอบทีได้คือ โตแล้ว ตัดสินใจอย่างไร พ่อแม่ก็เห็นด้วย เมื่อดารินมาก็เอาเงินไปให้พ่อแม่ด้วยกัน แล้วท่านก็รู้อีกทีตอนเอาทะเบียนสมรสไปให้ดู
ตอนแรกตั้งใจจะทำเองทั้งหมด แต่ทนายที่บริษัทบอกว่าจะมีปัญหาเอกสารแปลเพราะต้องทนายเซ็นชื่อรับรอง โอ้ทเลยใช้สำนักกฎหมายแถวเพลินจิต (ทนายที่บริษัทแนะนำ) ติดต่อนัดเรียบร้อย เมื่อวันดารินมาเราก็พากันไป
แต่นาทีนี้เกือบจะไม่มี ภาวินี ปีเตอร์สันค่ะ เพราะ ดารินมาบอกว่าไม่แน่ใจว่าตัดสินใจถูกแน่หรือเปล่า โอ้ทโมโหมากเลยเพราะแบบนี้ถือว่าดูถูกอย่างรุนแรง (ใช้คำนี้ครั้งที่สอง) เนื่องจากเงินที่ให้มามากอยู่ แล้วจะมาว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่จะจดทะเบียนกัน
มาเข้าใจตอนดารินอธิบายว่าเขาห่วงว่าโอ้ทจะอยู่ที่อเมริกาไม่ได้ แล้วกลับมาจะทำให้เขาเสียใจและเศร้ามาก แต่ตอนนั้นโกรธค่ะ ยื่นคำขาดถ้าไม่จดก็ไม่จด แต่คงไม่มีปัญญาเอาเงินมาคืน…ดารินไม่แคร์เลย กลับบอกว่าเงินเรื่องเล็ก….ยิ่งโมโหซิค่ะ แต่ตอนนั้นคิดว่าหรือเขากำลังทดสอบเราอยู่ สรุปเลยตัดสินใจยื่นคำขาดค่ะ ว่าถ้าไม่จด ก็คงจบ เพราะ โมโหมากๆๆๆ แต่โอ้ทถามเขาว่าแม่รู้ไหม ที่มาครั้งนี้เพื่อจดทะเบียน คนรอบข้างรู้ไหม คำตอบคือ รู้ค่ะ แสดงว่าเขาตั้งใจมาจดทะเบียน
หลังจากที่ยื่นคำขาด ในใจโอ้ทคิดว่าถ้าเขาตอบ YES วันนี้ยังไงซะต้องจดทะเบียน และแล้วคำตอบก็ ค่ะ…….
วันนั้นทั้งวันไม่คุยกันเลยค่ะ ไปสถานฑูต ก็ปล่อยดารินให้ทำเรื่องเอง (แสดงว่าเต็มใจ.) ไป อำเภอให้กรอกข้อมูล เซ็นชื่อก็ทำโดยดี เจ้าหน้าที่ยังถามเลยว่าทำไมดารินหน้างอจัง เลยตอบไปว่าโดนบังคับ…^O^
หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตอนเช้าโอ้ทไปเปลี่ยนชื่อ นามสกุลที่อำเภอก็ยังตามไปด้วย ให้อยู่รอที่บ้านก็ไม่ยอมโอ้ทให้นั่งรอค่ะ เพราะต้องเดินไปหลายโต๊ะ เพราะถ้าไม่บอกคุณสามีจะเดินตามไม่ห่างเลยค่ะ แล้วก็นั่งจับพุงเป็นพระสังขจาย ไม่พูดกับใคร ไม่สนใจใคร นั่งนิ่งมาก นึกภาพดูแล้วกันนะค่ะ โอ้ทก็เดินไปโต๊ะโน่นนี่ ไม่มีเวลามานั่งด้วย สงสารค่ะ แต่ก็ยุ่งกับการเดินเอกสาร เพราะไปถึงอำเภอเกือบปิดแล้วน่ะค่ะ (อีก 30นาที) จนเสร็จ ก็เดินออกจากห้องนั้น เจ้าหน้าที่แซว “กลับแล้วเหรอค่ะ พูดได้หรือเปล่า”….ขำค่ะคุณสามีก็ เซ ไฮตอนนี้ละค่ะ เจ้าหน้าที่ขำค่ะ
มีเรื่องขำ นิดนึง….พ่อจุดชนวนเรื่องซื้อรถ เพราะโอ้ทขายรถคันเก่าไปตั้งแต่ออกงานเซลล์ ที่ทำงานใหม่ย้ายไปอยู่อพาร์ทเม้นท์ใกล้ๆ (ครั้งแรกที่ออกจากบ้านอยู่ตามลำพัง) ทุกครั้งที่ดารินมาต้องเช่ารถ เพราะคุณสามีเป็นคุณหนูมากค่ะ ไม่ขึ้นรถเมล์ มันไม่สะดวกน่ะค่ะ แล้วก็ไม่ชอบที่คนเยอะๆ ก็เลยตัดสินใจจะซื้อรถมือสอง ราคาไม่แพงมาก โอ้ทบอกดารินค่ะว่าจะซื้อรถ เราก็กระหยิ่มใจว่าดารินจะช่วย แต่…กินแห้วค่ะ…ดูบทสนทนาด้านล่าง
Oath: I want to buy a car, what do you think? (ฉันจะซื้อรถ)
Darin: It is your money, up to you (ตามใจซิ เงินเธอนี่)
ผิดคาดค่ะเพราะนึกว่าจะได้เงินเพิ่ม^_^…อันที่จริงก็เงินดารินน่ะแหละ แต่เขาให้เราไงค่ะ เลยบอกว่าเป็นเงินเรา
ปีนี้ พ่อกับน้อง ไปสกลนครกัน ทำบุญให้ปู่ย่า เพราะอัฐิอยู่ที่โน่น ตอนแรกจะไปด้วย แต่ดารินไม่สบายค่ะ ปวดหัวมาก อีกอย่างถ้าไปสกลฯ ดารินจะเหนื่อยมากเนื่องจาก เดินทางไป ค้าง 1 คืนต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้ววันรุ่งขึ้นต้องบินกลับอเมริกา เลยไม่ไปด้วยค่ะ เราเลยนัดกินข้าวกับแม่ แล้วก็พาเที่ยวในกรุงเทพฯ นิดหน่อย….คืนจะกลับโอ้ทเศร้าเลยค่ะ น้ำตาซึม ไม่อยากให้ไปเลย
แต่ทุกวันนี้ดารินประจักษ์ว่าโชคดีค่ะที่มีโอ้ท…อิอิ โอ้ทก็โชคดีที่มีดารินค่ะ
แล้วจะมาเล่าต่อน่ะค่ะ