มิสเตอร์ใส่เสื้อกล้ามตัวแรก I got my husband the First Tank Top

 ป้าโอ้ทซื้อเสื้อกล้ามให้มิสเตอร์ ปกติมิสเตอร์ไม่ใส่แบบนี้ ฮีบอกไอใส่อยู่บ้านนะ ไม่ใส่ไปข้างนอก ป้าโอ้ทสั่งเพิ่มให้อีกสองตัวสีพื้น ฮีบอก ไอนึกว่ายูจะสั่งสีรุ้งมาอีกตัว จัดไปจ้า ให้ฮีเลือกสีเอง เสื้อยังมาไม่ถึง😁

He wore the first sleeveless tank working on a mower. He normally does not wear the shirts like this. I order few more for him. They are good for summer.🤠

ตัวนี้ร้านอยู่อเมริกา ได้ของเร็ว ได้ใส่ก่อน ใส่หนึ่งสัปดาห์ที่แอร์เสีย รอช่างมาซ่อม
I purchased this one on eBay USA store, then got it in a short time. He wore it a week which he off work and also the home air conditioner did not working.


ตัวนี้มาทีหลัง ซื้อจากจีน เบอร์ใหญ่แล้วนะ 3xl แต่มิสตอร์ใส่ไม่ได้เล็ก รูปจากร้าน
This one came from a store in China, size 3xl the biggest that they have and it is too small for him. 

picture on eBay

สั่งสองตัวนี้ให้ ร้านอยู่อเมริกา ไม่ถึงสัปดาห์ได้แล้ว  ฮีบอกไม่ชอบ ชอบสีรุ้งมากกว่า ป้าโอ้ทไม่ได้สั่งให้เพราะนึกว่าฮีไม่ชอบสีฉูดฉาด

I ordered these two for him and got them less than a week. The store is in the USA.  He does not like the color and said, ” I thought, you were getting me another rainbow”. I was thinking about ordering another rainbow but changed my mind because the color is too much and I did not think he would like it.



ตอนแรกจะสั่งสีรุ้งภาพใหญ่ให้ มีไซส์ 4xl เท่ากับตัวแรก แต่นึกเองว่าฮีไม่น่าชอบ ไม่ได้สั่ง สีอื่นดูแล้วหวานเกิ๊น ฮีคงไม่ชอบเหมือนกัน พอฮีบอกอยากได้สีรุ้งให้ฮีเลือกเอง มีสองสีที่มีไซส์ 4xl คือแถวบนรุ้งสีอ่อน Pastel Rainbow กับแถวล่างรุ้งสีสด Neon Rainbow ให้ฮีเลือกสีเอง เดาซิว่าฮีเลือกสีอะไร?…

I were getting the rainbow color for him but changed my mind because I thought, he may not like the strong colorful then I looked for the middle row both but only smaller size available. I did not order any for him and got him the Grey and White. Later, he said that he preferred the rainbow color as same as the first one I got for him in different shade. I let him pick the color by himself as only two shade available in 4xl, Pastel Rainbow and  Neon Rainbow. Can you guess, which one did he pick? 



ติดตามต่อไป เมื่อได้เสื้อใหม่
To be continued when I get a new tank



กว่าจะเป็น มิส ปีเตอร์สัน



ที่มา…

ย้อนไปประมาณ 13 ปี(นับจากวันที่ 5 ธันวาคม 2562 )

จำความได้เริ่มเล่นอินเตอร์เนต และหัดแชท เมื่อเพื่อนน้องสาว เอาคอมฯ มาฝากไว้ที่บ้าน ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องหาแฟนต่างชาติ แต่อยากรู้ว่าไอ้แชทเนี่ยมันเป็นยังไง ปรากฎว่า ติดงอมแงมเลยค่ะ วันไหนไม่ได้เล่นนอนไม่หลับค่ะ แรกๆ ก็หัดเล่นห้องคนไทย คุยนานเข้ารู้สึก เฮ้อ!! ไร้สาระ ไม่สร้างสรรค์เลย ก็อยากแชทภาษาอังกฤษบ้าง…ทันสมัย

ก่อนอื่นก็เข้าไปห้องภาษาอังกฤษ แต่เอะทำไม แชทภาษาไทยกันทุกคนเลย แล้วก็เบื่ออีก (หลายเดือนอยู่ค่ะ) จากนั้นมารู้จัก ยาฮู แมสเซ็นเจอร์ เอ!! เขาเล่นกันยังไงน๊า? ลองดู เริ่มจากเข้าไปนั่งดูต่างชาติคุยกันเนื่องจากไม่มั่นใจภาษาตัวเอง ได้อาทิตย์นีง ก็เอาน่า เป็นไงเป็นกัน ก็คุย….แรกๆ โอ้ย สารพัด ฝรั่ง ลามกกกกกกกกกกกกกก………กลัวจนหายกลัว ด่าไม่เป็นจน ด่าเป็นภาษาอังกฤษเลย…5555 มันคงซึมซับเข้ามาโดยไม่รู้ตัว

ก็คุยอยู่ประมาณ 1 ปีค่ะ มีหลายชาติ เสนอตัวจะเป็นแฟนเรา แต่สุดท้ายพอเช็คทางโทรศัพท์ (มีผู้แนะนำที่ดีว่าต้องทำอย่างไรก็ต่างชาติอีกนั่นแหละ) มีภรรเมียแล้วทั้งนั้น บางคนคุยกันสักระยะพอประมาณ (หลายเดือน) ก็เริ่มคุยเรื่องมาหาเราผลที่ได้คือ หายยยยยยยยยยยยยยยย จ๋อยจ้า…

จนกระทั่งเจอคนจริง (ยังมะใช่สามีสุดรักค่ะ….ใจเย็นๆ เอาไว้ลุ้น) ก็คุยกันทุกคืน หลังเลิกเรียนน่ะ ตอนนั้นเรียนรามฯ

ครบ 1 ปี เขาก็มา….คนนี้มา 2 ครั้ง (2 ปี) จนกระทั่ง…..


จดหมายใครส่งมาจากต่างประเทศ?

ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2547(2004)……เย็นวันหนี่งเมื่อกลับถึงบ้านจากมหาวิทยาลัย มีจดหมายจากต่างประเทศถึง Miss Pavinee Sirikhanth เอาละหว่า ใครว่ะ? รู้สึกแปลกประหลาดจริง ๆ น่ะคะ เพราะ ตอนนั้นเรามีแฟนแล้ว และก็ไม่เคยให้ที่อยู่ หรือเบอร์โทรใครเลย ที่แชททุกคนก็ไม่เคย แล้วมาได้ไงเนี่ย ดังนั้นไม่รอช้าเปิดผนึก….

อุแม่เจ้า หนุ่มหล่อ ส่งจดหมายมา บอกว่าอยากเป็นแฟนเรา พร้อมรูปถ่าย 3 ใบ จากจดหมาย ทำให้นึกได้ทันทีว่าที่มาอย่างไร …….

เนื่องจากว่า ชอบเข้าไปอ่านเรื่องราว สาวไทย พบรักต่างชาติในเวบแม่สื่อต่าง ๆ เลยเข้าไปสมัครไว้ทั่ว จนจำไม่ได้ว่าที่ไหนบ้าง แล้วก็มาไล่ลบไป แต่ไม่รุ้ว่ามันมีเวบที่ไม่ได้ลบหลงอยู่ จนคุณสามี (ปัจจุบัน) เข้าไปเจอ รูปที่ลงก็แสนจะธรรมดา หน้าตาเด็กบ้านนอก เห็นแค่หัวด้วย ไม่เหมือนสาว ๆ ที่เขาลงประกาศสมัยนี้ สวยพริ้ง เป็นเพราะเราไม่ได้ตั้งใจเข้าไปหาแฟนน่ะ สิ แต่เพราะความอยากรู้ และ ก็ช่วยเพื่อนหาแฟน เขาบอกว่าไปเจอมาจากเวบเอเชี่ยนอะไรสักอย่าง………จำไม่ได้ ทำไงล่ะ?

อีเมล์บอกแฟน(ในขณะนั้น) ให้รู้ว่ามีผู้ชายส่งจดหมายมาหานะ ต้องการเป็นแฟน จะให้ตอบไหม เพราะอันที่จริงเราอยากตอบน่ะ สรุปว่าไม่มีปัญหา ก็ตอบจดหมายไป (ตามอีเมล์ที่เขาให้มาในจดหมาย) ว่าเป็นได้แค่เพื่อน เพราะ มีแฟนอยู่แล้ว ก็ติดต่อกันอยู่ทางอีเมล์ทุกวัน เขาโทรมาบ้าง กระทั่ง ธันวาคม ปีนั้น แล้วมันมีเรื่องที่หักเห คงเป็นบุปเพ….อิอิ

แฟน(ในขณะนั้น) ขาดการติดต่อ มารู้อีกทีเพราะอินเตอร์เนต หรือ สายสัญญาณมีปัญหาเลยทำให้เราไม่ได้รับอีเมล์เขาเลย แม้กระทั่งเขาส่งจดหมาย แนบเงินมาให้ช่วยย้ายอพาร์ทเม้นท์ก็ไม่ได้รับ (ครั้งแรกที่ออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว เพราะทำงานไกลน่ะ เดินทางเหนื่อย ไม่ไหว) รู้ตอนที่ติดต่อกันได้ เขาบอก….

แต่เราว่าบุปเพ เพราะ ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ไม่เคยได้รับ อีเมล์จากแฟน แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่โทรมาหาเรา ดังนั้นเราตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อนเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเกือบเป็นแฟนแล้วกับหนุ่มอเมริกันสุดหล่อ จนกระทั่ง คริสมาสต์ปีนั้น แฟนติดต่อมา(จนได้) แล้วเราก็ หักอกหนุ่มอเมริกัน…..

เอาละซิ ยุ่งกันไปใหญ่….ฮ่าฮ่า


จุดหักเห…..และเริ่มต้น

เราพยายามโทรไปเพื่อจะอธิบายว่าไม่ได้ มีเจตนา แล้วอีกอย่างเราก็ยังไม่เป็นแฟนกัน แค่มากกว่าเพื่อนเท่านั้น….

หนุ่มอเมริกัน (สามีเราเองในปัจจุบัน) ไม่รับโทรศัพท์ เราก็ไม่ละ กระหน่ำอีเมล์    จนกระทั่งหนุ่มอีเมล์มาบอกว่าขอจบกันเพียงเท่านี้ พร้อมกับส่งรูปเราและของที่เราส่งไปให้ในตอนนั้นกลับมา (ออกจากเมกาแล้วน่ะ แล้วยังให้เราส่งรูปเขากลับไปด้วยนะ (น้ำตาล้นจอละซิฉากนี้)…

ส่วนทางแฟน ก็โทรศัพท์คุย จนเข้าใจกัน และในที่สุด หนุ่มอเมริกันก็รับโทรศัพท์ ในวันนี้เอง มันถึงที่สุดแล้วไง เพราะไปกระทบกับการทำงานเราด้วย หนุ่มมะกันเองก็ไม่เป็นอันทำงาน เพราะ เศร้า เราเลยตกลงกันว่า มาเริ่มต้นกันใหม่จากการเป็นเพื่อน เป็นกำลังใจให้กัน ในขณะที่แฟนเราก็ไม่เคยบอก หรือแสดงว่าจะ มีความมั่นคงให้กับเราในอนาคต…..

เฮ้อ!!! คิดแล้วหนักหนาเอาการ เกือบไปแล้ว…
ตอนนั้นดารินก็ติดต่อกับผู้หญิง จากเวบแม่สื่อ 2-3 คน แล้วเราก็อีเมล์หากันทุกวันนับแต่นั้น ในฐานะเพื่อน …มีเซอร์ไพรส์อีกแล้ว วันวาเลนไทน์มีบริษัทดอกไม้โทรมาว่ามีคนส่งมาให้จากต่างประเทศ…

เอาละซิจากคนไหนล่ะ ถามใคร ก็ไม่มีใครบอก…แฟนเราเอง (ในขณะนั้น) เป็นคนส่งมา

เราก็ยังคุยกะดารินทางอีเมลุทุกวัน ในขณะที่ แฟนเราก็รู้ จนกระทั่งแฟนเรามาเดือน เมษายน 2548( 2005) เป็นครั้งสุดท้าย เพราะเรารู้มาว่าเขาแต่งงานแล้ว อยู่ด้วยกันที่ประเทศเขา มา 10 กว่าปี…

เศร้ามาก เราถามดารินว่าจะมารู้จักกันไหมแบบตัวเป็นๆ โดยไม่เจาะจงว่าในสถานะอะไรทั้งสิ้น? เพราะถ้าไม่มาฉันจะหาใหม่แล้วนะ (มีขู่…555) แล้วดารินก็มา 18 -24 กรกฎาคม 2548…

ลุ้นกันต่อนะค่ะ ขอยก บางส่วนจากอีเมล์ที่ดารินส่ง มาให้หมั่นไส้กันค่ะ เพราะถ้าเอามาทั้งหมดคงยาวเกินไปเพราะเขียนมาครั้งละ 1-2 หน้า เมล์นี้ก็ หน้าครึ่ง แต่ตัดมาเฉพาะเด็ดๆ จ้า…อิอิ

 From: Peterson
 Sent: Wednesday, December 15, 2004 11:25:48 AM
 To: oathka

 to my love, Pavinee‎
I just got done speaking with you on the phone at this point in the letter. I just wanted to let you know that only you have my love. I just wish I was there to show you. It is no good to only say you love a person and not show love. A person must show love too.Do you think we could sit down with your parents in April and talk about a wedding ceremony?

 Love,Darin



 วันที่รอคอย…ความจริงที่จับต้องได้

เย็นวันที่ 18 กรกฎาคม 2548 เลิกงานก็รีบกลับไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปรับหนุ่มที่สนามบินดอนเมือง ตื่นเต้นค่ะ …เอ!! แต่งตัวยังไงดีน๊า? ก่อนจะมาถามดารินไว้ว่าชอบให้ใส่กระโปรงจะดูเป็นผู้หญิงหวานแต่ถ้าอยากแต่งตัวยังไงก็ตามใจ เลยเลือกชุดกระโปรงยาวแขนกุดสีน้ำเงิน ออกเรียบร้อยค่ะเพราะตอนนั้นยังไม่แต่งเซ็กซี่ เพิ่งจะมาแต่งหลังจากแต่งงานแล้วนี่แหละค่ะเพราะก่อนหน้าจะออกทอม ๆ แล้วก็ปอน ๆ

เครื่องลง ห้าทุ่มกว่า ๆ ไปถึงก่อน ชั่วโมง ตอนนั้นไม่มีรถค่ะเลยใช้บริการแท๊กซี่ แวะกินข้าวก่อน หิวมากเลย แล้วตั้งใจว่าจะซื้อพวงมาลัยมะลิหอม ๆไ ปให้ด้วย แต่ตลาดที่ดอนเมืองตอนนั้นไม่มีขายแล้วก็เลยไม่ได้อะไรเลย กินเสร็จก็เดินข้ามสะพานลอยไปด้วยความตื่นเต้นสุด ๆ แต่เพราะไปถึงเร็วน่ะค่ะเลยมีเวลาเดินสำรวจสนามบิน ไปมา ใน-นอกประเทศ จนเหนื่อย (จริงๆแล้วไปผิดอาคารค่ะ) …จ๊าก

แล้วก็ไปตรวจดูให้แน่ว่าเครื่องลงอาคารไหนแน่ และแล้วก็ถึงเวลาเครื่องลง ใจเต้นตุ๊บ ๆ เลย คนก็ออกมากันเยอะ ๆ แต่เอ นี่ก็ใกล้จะตีหนี่งแล้วทำไมหนุ่มเรายังไม่ออกมาซะที ทำไงดีเนี่ย โทรศัพท์ก็ไม่เห็นมีสายเข้ามา ชักหงุดหงิดแล้ว เป็นห่วงด้วยว่าจะติดอะไรข้างในหรือเปล่า เลยตัดสินใจโทรไป ว้าว!! รับสายอย่างเร็วด่วนเลย ปรากฎว่ารอตรวจคนเข้าเมืองนาน แล้วก็แลกเงินอยู่ด้านใน เขาโทรมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าในประเทศไทยไม่ต้องโทรเหมือนอยู่ต่างประเทศ (เราก็ไม่รู้) และแล้วเวลาสำคัญก็มาถึง….

นัดกันอย่างดีน่ะว่าเรายืนรออยู่ตรงมุมไหน ก็ยังเดินผ่านไปเฉยเลย แต่แว่บแรกที่เห็น โอ้ะ โอ…ทำไมน่ารักจัง

เมื่อก่อนยังผอมอยู่ค่ะ หน้าก็ใส เราเดินไปสะกิดแขนน่ะ เหงื่อท่วม มีผ้าขนหนูผืนเล็กติดตัวตลอดเวลา จนทุกวันนี้ ก็รอคิวแท๊กซี่….อิอิ เราจับมือหนุ่มไปตลอดทางเลยค่ะ….

ก่อนไปโรงแรม โรยัลปริ้นเซส ที่ศรีนครินทร์ แวะเอาเสื้อผ้าที่อพาร์ทเม้นท์…
โอ้ทต้องทำงานอีก 2 วันถึงจะหยุด วันแรกก็ปล่อยให้ดารินนอนทั้งวัน วันที่ 2 บังคับค่ะ ดึงจากเตียง พาส่งขึ้นแท๊กซี่พร้อมบอกทางให้ไปเที่ยว เพราะไม่งั้นพ่อหนุ่มของโอ้ทเขาก็จะไม่ไปไหนเลยค่ะ…

แล้วเมื่อโอ้ทหยุด 1 สัปดาห์ก็พาเที่ยวค่ะ ขับรถหลงก็ไม่รู้…อิอิ
ไปสวนงู กินข้าวกับ พ่อ แม่ เดินเที่ยวหน้ารามฯ ดูหนัง…

ปีแรกจะอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะดารินอยู่แค่ 1 สัปดาห์เนื่องจากจุดประสงค์เพื่อเจอกันตัวเป็น ๆ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะ ปิ๊งกันหรือเปล่าด้วยค่ะ…

และแล้ววันเดินทางกลับก็มาถึง…
ขอเม้าท์นิดนะค่ะ ขณะที่รอเวลาได้เข้าไปกินอาหารในร้าน ร้านหนึ่งในบริเวณสนามบิน ทีนี้ตอนคิดเงินไม่ยอมเอามาทอนค่ะ ถึงแม้ 5 บาท….

โอ้ทไม่ยอมซิค่ะ เห็นมากับต่างชาติแล้วจะมางุบงิบได้ไง ต้องทอนเราก่อนซิ แล้วทิปอีกเรื่อง นี่อะไร เอาไปใส่กล่องเฉย โอ้ทก็ไปทวงที่เคาน์เตอร์ซิค่ะ ไม่ปลื้มค่ะ…
ดารินจะส่ายหน้ากะโอ้ทประจำเรื่องทิป เพราะชอบเก็บเหรียญ 10 บาทไว้หยอดเครื่องซักผ้าค่ะ อีกอย่าง คนไทยนิสัยเคยตัวต่างชาติมาทีไรต้องมีทิปประจำทั้งๆที่ในราคาก็ชาร์จไปแล้ว…
ถ้าบริการดีน่ะค่ะไม่ว่าเลย อีกอย่างชอบให้กับเด็กที่บริการมากกว่าค่ะ เพราะถ้าให้รวม คนที่ไม่ดีก็จะได้ส่วนแบ่งไปด้วย….

นอกเรื่องน่ะค่ะ เราไปถึงสนามบินก่อนเวลามาก ก็ยังไม่มีเที่ยวบินที่จะไป ทำให้ดารินเริ่มกังวลว่าเขาจะได้กลับแน่หรือเปล่า คือเด็กใหม่สำหรับการเดินทางนะค่ะ ครั้งแรกที่มาเอเชีย แล้วก็ครั้งที่ 2 ที่ออกจากเมกา (ครั้งแรกก่อนมานี่ 2 เดือนได้ไปประชุมที่อิตาลี) กังวลเยอะมาก เลยไปถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ช่องที่ต้องเช็คอิน แต่ต้องรอเวลา ที่นี่ก็เข้าก่อนเวลา 10 นาท ปรากฎว่า มารู้เมื่อดารินถึงเมกาแล้ว ว่าเกือบตกเครื่องเพราะต้องไปตรวจคนออกเมืองก่อน วิ่งสุดชีวิตเลยค่ะ เพราะประตูเครื่องกำลังจะปิด จากนั้นก็ไม่เคยเข้ากระชั้นชิดเลยคะ.





หม้อไหม้อีกแล้ว❗️

 








22 กุมภาพันธ์ 2562
เวลาประมาณ สี่โมงเย็นนิด ๆ มิสเตอร์กลับจากทำงานเข้ามาในบ้าน ป้าโอ้ทรีบแจ้นเข้าไปกอด

มิสเตอร์ : ยูทำอะไรไหม้? กลิ่นตลบอบบ้าน
ป้าโอ้ทหยิบหม้อที่ล้าง ขัดเอี่ยม แต่ก้นหม้อด้านในออกไม่หมดให้มิสเตอร์ดูและตอบไป

ป้าโอ้ท : ไอทำกับข้าวแล้วหลับหน้าทีวี
มิสเตอร์ : เครื่องดักควันไม่ดังเหรอ

ป้าโอ้ท : ดังลั่นเลย ปลุกไอตื่น โอโห! ควันเต็มบ้านเลย ไอยังสำลักอยู่ไม่หาย 😜
               ยูจำได้ปะ ครั้งแรกที่ยูทำหม้อไหม้?

มิสเตอร์ : จำได้ครั้งเดียวนานมาแล้ว
ป้าโอ้ท : ไอลืม แล้วดันหลับ ดีนะที่เรามีเครื่องดักควัน ไม่งั้นยูกลับมา เมียและบ้านไปหมดแล้ว

มิสเตอร์ : ยูต้องระวังให้มากกว่านี้
ป้าโอ้ท : ไอทำต้มวันนี้จะทำสุกี้ ไม่ต้องมีต้มแล้ว 😁

ปล.บ้านใครยังไม่ติดเครื่องดักควันแนะนำว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก

จบ

เครื่องดักควันดังไม่หยุด

ฉีดวัคซีน ไอ ด้อนท แคร์ 😇




เมื่อหลายปีผ่านมามีไข้ระบาด เชื้อไวรัสอะไรจำไม่ได้ หลังจาก swine flu หวัดหมู(เรียกแบบนี้ไหม) ทางรัฐอเมริกันประกาศให้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกัน มีองค์กรจัดฉีดฟรีหลายที่ และตามร้านขายยาฉีดราคาไม่แพง ตั้งแต่นั้นมาจะต้องฉีดกันทุกปีจนปัจจุบัน  แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีข่าวทีวีพูดถึงกลุ่มคนที่มีอาการแพ้วัคซีน บางคนเป็นมากถึงเสียชีวิตซึ่งไม่มีผลยืนยันแน่ชัดว่าเกิดจากวัคซีน อาจเกิดจากความผิดปกติในร่างกายบุคคลนั้น ๆ ก็ได้

24 ตุลาคม 2561

มิสเตอร์ : ฉีดวัคซีนกันไข้หวัดหรือยังปีนี้
ป้าโอ้ท : ยัง ยูฉีดแล้วใช่ไหม

มิสเตอร์ :  ใช่ ฉีดเมื่อวานที่บริษัท
ป้าโอ้ท : ปีที่แล้วไอก็ไม่ได้ฉีด ไอแข็งแรง ไม่เป็นอะไร เป็นภูมิแพ้ปกติ แต่ไม่ป่วย ไม่เป็นไข้

มิสเตอร์ : แต่ฉีดวัคซีนช่วยฆ่าเชื้อไวรัสนะ ยูจะได้แข็งแรง ไปฉีดร้านขายยา น่าจะสิบเหรียญ
ป้าโอ้ท : ไม่ฉีด ไอไม่ป่วยหรอก ไอดูแลตัวเองอย่างดี ยูต่างหากป่วยทุกปี

มิสเตอร์ : ตามใจ ยูจะฉีดหรือไม่ฉีดไอไม่สนใจแล้ว
ป้าโอ้ท : (กอดพุงโตแล้วหัวเราะ) ยูงอนเหรอ

มิสเตอร์ : ป่าว
ป้าโอ้ท : ถ้าไอตาย ยูไม่ต้องรักษานะ ปล่อยให้ตายไปเลย

มิสเตอร์ : ไอไม่สนใจ
ป้าโอ้ท : ไอจะรอฟาร์มเมอร์มาร์เก็ตประกาศฉีดฟรี จะไปฉีด ปีที่แล้วไอไปไม่ทัน

มิสเตอร์ : ไอ ด้อนท แคร์

จบ


เสื้อยูไง จำได้ไหม❓ The shirt 10 years ago





24  ธันวาคม 2561
Dec 24, 2018

ป้าโอ้ท : มิสเตอร์จำเสื้อตัวนี้ได้ป่าว เสื้อยู
Me : Do you remember this shirt? It was your.
มิสเตอร์ : จำไม่ได้
Him : No

ป้าโอ้ท :  เมื่อก่อนตัวใหญ่มากเลย ไอใส่ไม่ได้
Me :  It was too big for me.
มิสเตอร์ :  อืมมม
Him : Umm

ป้าโอ้ท : ดูตอนนี้ซิ พอดีเปะ
Me : Look now, it fit
มิสเตอร์ :  อืมมม
Him: Ummm



ป้าโอ้ท : ไออ้วนเน่อะ
Me: I am fat
มิสเตอร์ : ใช่
Him: Yes


ป้าโอ้ท : ไอว่า ไอผอมลงนิดนึงแล้วนะ
Me : I think, I lose a bit
มิสเตอร์ : ไม่
Him : No

ป้าโอ้ท : ไอชอบยูจัง ยูไม่โกหก
Me: I like you that you never lie
มิสเตอร์ : อืมมมม
Him : Umm

จบ
End

















ทำไมข้าวสีม่วง?

28 พฤศจิกายน 2560

จากหัวเรื่อง คำถามของมิสเตอร์นั่นเองค่ะ

เมื่อตอนป้าโอ้ทมาอยู่ที่อเมริกาใหม่ ๆ ป้าโอ้ทชอบกินข้าวกล้อง และแน่นอนเมื่อป้าโอ้ทจัดอาหาร มิสเตอร์จะกินเหมือนที่ป้าโอ้ทกิน นั่นหมายถึงข้าวกล้องด้วย ครั้งนั้นมิสเตอร์บอกว่า “ไอไม่ชอบกินข้าวสีนี้” จากนั้น ป้าโอ้ทเปลียน ไม่หุงข้าวกล้องอย่างเดียว แต่หุงผสมข้าวหอมมะลิขาวนวล เสริฟมิสเตอร์ครั้งแรกมีถามบ้างว่าทำไมมีเม็ดข้าวสีดำด้วย ป้าโอ้ทบอกไปว่าหุงผสม จากนั้นไม่เคยมีคำถามอีกเลย จกกระทั่งวันนี้ ผ่านมาเก้าปีโดยประมาณ

มิสเตอร์ : ทำไมข้าวสีม่วง?

ป้าโอ้ท  : ข้าวสีแดงต่างหาก  ปกติไอหุงผสมข้าวหอมมะลิสีขาว

แต่วันนี้ข้าวสีขาวหมด ไอเลยหุงข้าวสีแดงอย่างเดียว

มิจเตอร์ : ทำไมข้าวสีม่วง ?  <ยังไม่เลิกถาม เอะ! หรือไม่เข้าใจป้าโอ้ทหว่า>

ป้าโอ้ท : <เดินเข้าครัวไปหยิบถุงข้าวกล้องมายื่นให้มิสเตอร์ดู พร้อมอธิบาย>

นี่ไงข้าว ปกติไอหุงกับข้าวหอมมะลิสีขาว แต่วันนี้ข้าวหอมมะลิหมด

มิสเตอร์อ่านฉลากบนถุงข้าว แล้วหันไปตักข้าวกินเงียบสนิท

จบ

 

ไปดูหนัง | ป้าโอ้ท | อเมริกา

22 กรกฎาคม 2560
วันนี้เป็นอีกวันที่ร้อนมาก ในบ้าน ในโรงหนังเย็น จนหนาวเพราะเปิดแอร์เย็น ออกข้างนอกร้อนวูบ ขอบคุณทุกคนค่ะ ^_^

 

 

 

 

กินข้าว – ยางแตก – ยางใหม่ Lunch – Flat tire – a new tire

9 กรกฎาคม 2560

วันนี้ป้าโอ้ทยอมรับผิดที่ชวนมิสเตอร์ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ดีนะที่ร้านไม่ไกลจากบ้านมาก มิสเตอร์ขับรถเลี้ยวเข้าบริเวณศูนย์การค้าตรงนั้น เหยียบขอบฟุตบาทที่แตก ยางรถก็แตกด้วย แต่ไม่ระเบิด  ป้าโอ้ทบอกให้เรากินข้าวกันก่อน แล้วค่อยมาจัดการ ถ้าทำไม่ได้จะโทรเรียกอูเบอร์มารับไปบ้าน เอาอุปกรณ์ มิสเตอร์ทำไปเหงื่อท่วม

ป้าโอ้ทสงสาร หาเบอร์โทรหน่วยบริการเคลื่อนที่จนเจอ แต่มิสเตอร์ไม่เลิก ยังไงก็ไม่เลิก พยายามโยกเอาล้อออก ที่ตั้ง(ขายกรถ)ล้มหนึ่งครั้ง ย้ายที่ โยกอีก คราวนี้เอียงยังไม่ล้ม ป้าโอ้ทบอกก่อน แล้วมิสเตอร์ลดที่ตั้งลง ย้ายที่เข้าไปใต้ท้องรถ ทำจนถอดล้อแล้วเปลียนล้อสำรองได้ ล้อสำรองแบนอีก ดีนะมีปั้มอยู่ใกล้ตรงนั้น เข้าไปเติมลม แล้วขับกลับบ้าน ยกนิ้วให้มิสเตอร์

Today, I accepted that it was my fault to ask him out for lunch as he did not want to go. I wanted to have pineapple fried rice at Malaysian restaurant about 20 minutes from home. He turned into the plaza and the the car ran over a broken curve! The tire broke immediately but luckily it did not explore. I told him to do after eating.

We have a small jack ( which I found the bigger one always in the car but we did not see it when we needed). He put it below the car at the front and tried to get the tire out. At it small then it tripped, so, he moved it to the door area and tried to move the tire again. This time I saw it moved and  told him to stop before it tripped. The third time, he put it in the middle where he could reach. I tried to convince him to give up and  searched  he service on the road. I got the number but he did not stop. Finally, he succeed with what he was doing. The spare tire was flat but we were lucky as the gas station nearby. We filled the air and headed home safely. I really proud of him.

15 กรกฎาคม 2560

 ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ วันเสาร์มิสเตอร์ไม่ทำงาน เอารถไปปะยาง ป้าโอ้ทบอกให้ไปร้านที่เคยไปใกล้บ้าน เพราะคิดว่าราคาจะถูกกว่าเข้าศูนย์ ปรากฎว่ามิสเตอร์ออกไปถึงร้าน ร้านปิด ป้าโอ้ทเดาว่าน่าจะเปิดครึ่งวัน (หรือไม่เปิดวันเสาร์) มิสเตอร์เอาเข้าร้านติดกัน หรือถ้าไม่เปิดหรือทำไม่ได้จะไปเป็บบอย
(ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ป้าโอ้ทไม่ได้ไปด้วยเพราะไปสัมภาษณ์งาน กลับถึงบ้านโทรถาม)
สักห้านาทีผ่านไป มิสเตอร์โทรมาบอกกำลังเดินกลับบ้าน ป้าโอ้ทเสนอว่าจะออกไปรับ มิสเตอร์จะเดินออกกำลังกาย กลับมาถึงเหงื่อโชกประหนึ่งอาบน้ำ แล้วขับรถออกไปซื้อของอีก  ก่อนออกไปบอกว่าร้านที่เอารถไปซ่อมยางจะโทรเข้าเบอร์บ้าน แล้วร้านโทรมาตอนมิสเตอร์ไม่อยู่ แจ้งว่าปะไม่ได้เพราะยางฉีก ต้องเปลียน (กรณีนี้นะป้าโอ้ทไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่จริง เพราะจากประสบการณ์ส่วนมากประเทศนี้จะแนะนำให้เปลี่ยนมากกว่าซ่อม) แจ้งราคามา ซึ่งป้าโอ้ทไม่ตัดสินใจ ขอเบอร์โทรกลับ และชื่อคนติดต่อ โทรบอกมิสเตอร์ให้จัดการคุยกันเอง
อ่อ! ลืมเล่าว่า ตอนร้านโทรมา ป้าโอ้ท งง! เพราะนีกว่าเขาโทรผิด เนื่องจากร้านไม่ใช่เป็บบอย ป้าโอ้ทนึกว่ามิสเตอร์ไปเป็บบอย แต่เพราะภาษาอังกฤษป้าโอ้ทเก่งมาก (อิอิ) คุยกันได้ความร้านที่ไปไม่ใช่เป็บบอย
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงหลังจากมิสเตอร์กลับมาบ้าน ทางร้านที่เอารถไปโทรมาแจ้งว่าเสร็จแล้ว ไปเอาได้ ป้าโอ้ทถีงรู้ว่า ร้านข้างบ้านอีกร้านติดกับร้านที่ป้าโอ้ทบอกให้มิสเตอร์ไปนั่นล่ะ
ป้าโอ้ทพอใจกับค่าเสียหายวันนี้ เพราะราคารวมยางแล้วเท่ากับราคาที่แจ้งทางโทรศัพท์ ป้าโอ้ทดูรายละเอียดในใบเสร็จ ค่าแรงถูก ราคายางยี่ห้อนี้ป้าโอ้ทไม่รู้หรอกว่าเท่าไร คนละยี่ห้อกับที่ใช้ซึ่งเป็นของศูนย์ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าไปศูนย์ ค่าแรงสองร้อยขั้นต่ำ

 

 ยางใหม่วันนี้ ล้อเดียว ยี่ห้อนี้

 

ยางเก่าอีกสามล้อ ที่มาจากศูนย์ ยี่ห้อนี้