ขึ้นฝั่งที่สเกกเวย์ อลาสก้า นั่งรถไฟชมธรรมชาติ 8 กรกฎาคม 2558

8 กรกฎาคม 2558ดูอัลบัมภาพ

วันนี้มีเหตุ เหมือนฝันที่เป็นจริง แต่ไม่ใช่ฝันดีสักเท่าไร เป็นฝันร้ายเกือบจะร้ายมาก แต่สุดท้ายฝันร้ายกลายเป็นดี เหตุมีอยู่ว่า…

หลังจากพนักงานรถบัสสาวพูดภาษาไทยเก่งส่งนักท่องเที่ยวปลายทางแล้ว มีเวลาร่วมสองชั่วโมง มิสเตอร์และป้าพากันเดินขึ้นเขาเพื่อจะไปให้ถึงปลายทางบนเขาปู้นนนน นั่นคือบึง(อะไรสักอย่างป้าโอ้ทจำไม่ได้แล้ว เพราะกว่าจะเขียนเล่าผ่านมาหนึ่งปี) กว่าจะเดินขึ้นไป เอ้ย! ตะกายกันขึ้นไป (หมายถึงสองป้านะเพราะมิสเตอร์นำหน้าหายไปก่อนร่วมครึ่งชั่วโมง) หอบแห่ก หลายแห่ก ป้าโอ้ทต้องเดินไปพักไป เพราะไม่เช่นนั้นหอบขึ้นแน่ๆ ปกติเดินบนเขาก็จะเดินไป พักไปแบบนี้ล่ะ แต่ไม่กังวลเวลาเหมือนครั้งนี้นะ

ในที่สุดมิสเตอร์เดินสวนทางมา บอกว่าไปได้แค่บึงเล็ก จะไปถึงปลายทางที่ตั้งใจเวลาเราไม่พอนะ เหลือเวลาเพียงสามสิบนาทีเราต้องเดินลงกันแล้วล่ะ ป้าโอ้ทกะพี่แดงให้มิสเตอร์พาเดินไปจนถึงบึง สร้างภาพกันเล็กน้อย แล้วรีบเดินกลับ แต่ด้วยหนทางไม่ได้ราบเรียบเน่อะ ก็บนเขา แล้วยังต้องเร่งกับเวลาด้วย ป้าโอ้ทบอกมิสเตอร์ให้ล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ เผื่อไม่ทันยังไงจะได้แจ้งทางเรือว่าสองป้ายังไม่ถึงเรือ

สองป้ากึ่งเดินกึ่งวิ่ง แทบจะกลิ้งตกจากเขา มองลงมาเห็นเรือลำโต ค่อยชื้นใจนิด (ชื้นจริงๆ ไม่ใช่ชื่นใจ เพราะเรือยังอยู่) ลงมาถึงพื้นราบสองคนยังคงจ้ำพรวด ดูเหมือนจะใกล้ แต่ทำไมไม่ถึงสักที

ในที่สุด(รอบที่สอง) เราก็ถึงเรือ มีเวลาตั้งยี่สิบนาที สองสาวสร้างภาพกันสบายใจ จนกระทั่งเดินเข้าไปถึงจุดเช็คนักท่องเที่ยวกลับเข้าเรือ เราสองคนอยู่คนละแถว พี่แดงเช็คก่อน ปรากฎว่าการ์ดตีคืน พี่แดงไม่มีบันทึกของเรือ ป้าโอ้ทรีบพรวดไปที่เจ้าหน้าที่แถวพี่แดง ให้ข้อมูลห้อง ชื่อของตัวเอง แล้วก็ผลเดียวกับพี่แดง ตอนนั้นป้าโอ้ทใจป่วนแล้ว งานเข้า! ถามเจ้าหน้าที่ทันที ” ฉันมาเรือถูกไหม” เจ้าหน้าที่ดูการ์ดเราสองคน ตอบมาว่า ” ไม่ถูก ”  เอาล่ะงานนี้ ได้เป็นหมูเฝ้าเกาะกันแน่ๆ เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่เรือลำตรงข้ามที่มองเห็น สองคนไม่รอช้า รีบจ้ำพรวดๆ ใช้เวลาสิบนาทีถึงเรือ ในระยะทางประมาณหนึ่งไมล์ คราวนี้ป้าโอ้ทรอบคอบขึ้นมาเชียว ก่อนจะถึงเรือลำที่มุ่งนี้ไป เห็นชื่อประจำเรือ เฮ้ย! ไม่ใช่ลำนี้ ยังไม่แน่ใจ หันไปถามนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินกลับเรือว่า เรือลำนี้ชื่ออะไร ได้คำตอบมา ชัวร์ป้าบบบบบ! หันไปบอกพี่แดง เรามาผิดลำอีกแล้ว

สงสารพี่แดงมาก หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มอีก ป้าโอ้ทโบกรถหลายคันแต่ไม่มีใครจอด พี่แดงบอกว่าเหนื่อย ป้าโอ้ทสงสาร ตัวเองก็เหนื่อย เริ่มจะหอบแต่ปากบอกพี่แดงไปว่า ” ยังไงก็หยุดไมไ่ด้นะ” เหลือเวลาไม่ถึงสิบนาที เราจะทันไม่ทันต้องเสี่ยงล่ะ

ในระหว่างนั้นป้าโอ้ทเห็นรถแวนคันหนึ่งขับวนอยู่แถวนั้น นึกในใจว่า อยากจะขอให้เขาไปส่งที่เรือ แต่ไม่ทัน รถขับออกไปจากตรงนั้นซะก่อน และแล้วเราก็ผ่านเรือลำแรกที่ไปผิด นั่นล่ะถึงได้พบว่า เราสะเพร่า มัวแต่ถ่ายรูป ไม่ดูป้ายบอกทาง เดินผ่านไปได้

เรืออยู่ตรงหน้า แต่ระยะทางช่างแสนไกล เหลือเวลาห้านาที โอ้ย! ไม่รอดแน่ๆ  ในใจป้าโอ้ทนึกว่า ถ้าเรือขยับแล่นออกไปต่อหน้าต่อตา ในขณะที่เราไปถึงท่าพอดี เราคงจะเศร้ากันที่สุด แต่แล้วเหมือนสวรรค์เข้าข้างเราสองคน รถแวนคันที่ป้าโอ้ทเห็นก่อนหน้านั้นมาจอด มีคนตะโกนว่า ” ยูจะไปเรือนั่นใช่ไหม รถมารับยู” เยๆๆ รอดแล้ว ป้าโอ้ทหายใจไม่สะดวก หันไปดูพี่แดง ซีดกว่าเดิม

เมื่อรถแวนจอดหน้าท่าเรือ เราสองคนรีบวิ่งๆ เข้าไป นักท่องเที่ยวบนลำเรือ ไม่รู้จำนวนกี่พัน ทุกคนที่อยู่บนระเบียงห้องตัวเองโห่ลงมาที่สองป้า สนั่นท่าเรือ เมื่อเช็คเข้าเรือเรียบร้อย หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ตักเตือนเราเหมือนเด็กน้อย และแจ้งให้เจ้าหน้าที่อีกคนโทรแจ้งมิสเตอร์ว่าเรากลับมาแล้ว พนักงานคนนึงกระซิบบอกป้าโอ้ทว่า ยูโชคดีนะเนี่ย อีกห้านาทียูได้นอนที่เกาะนี้แล้ว

เมื่อถึงห้อง มิสเตอร์หน้าตูม แต่ไม่พูดอะไร ป้าโอ้ทหน้าทะเล้น ก็กลับมาแล้วจะซ้ำเติมกันทำไมใช่ปะ ^_^ พี่แดงพูดขอโทษเจ้าหน้าที่เรือตลอดทาง และขอโทษมิสเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำอีก พี่แดงบอกว่าถ้าเป็นป๋าพี่แดงคงโดนดุหนักแล้ว มิสเตอร์ใจดีจัง … ฮ่าฮ่า มิสเตอร์ก็ดุ แต่เขาดุเงียบ เขารู้ว่าดุไปก็ไม่เกิดอะไรเพราะกลับมาแล้ว ป้าโอ้ทก็หน้าเป็น แต่รู้นะว่าผิด รับผิดโดยดี

ย้อนเล่าระหว่างเดินกันอยู่ พี่แดงบอกให้ป้าโอ้ทโทรหามิสเตอร์ แต่ป้าโอ้ทปฎิเสธเพราะคิดว่ามิสเตอร์ไม่ได้เปิดโทรศัพท์แน่ เนื่องจากตั้งแต่ลงเรือมิสเตอร์เปลียนเป็นโหมดเครื่องบิน รวมทั้งเปลียนเครื่องป้าโอ้ทด้วย ซึ่งป้าโอ้ทไม่เคยเปลียน จึงไม่ชินและลืมไปว่าเครื่องตัวเองก็ติดต่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่เรือตำหนิว่าทำไมไม่เปิดโทรศัพท์ ติดต่อไปหลายครั้งแล้ว นั่นล่ะป้าโอ้ทถึงนึกได้ แต่ถ้าป้าโอ้ทฟังพี่แดงหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหามิสเตอร์คงไม่เกิดเหตุแบบนี้เพราะทางเรือคงส่งรถมารับเราได้ทันเวลา

เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งทำให้ป้าโอ้ทมีความรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม ไปไหนต้องมองให้ละเอียดถึ่ถ้วน อย่าเพียงแค่เห็นภาพแล้วสรุปว่าใช่ ที่เห็นภาพเพราะเรือที่ป้าโอ้ทมา กับเรือที่ป้าโอ้ทขึ้นผิดเป็นเรือบริษัทเดียวกัน ลายเหมือนกันเดะ ต่างกันตรงชื่อเรือ ที่ป้าโอ้ทไม่ได้สังเกต มาดูภาพนั่นล่ะ ใช่เลย ผิดเต็มๆ

วันต่อมา เราสองคนเดินตามมิสเตอร์ไม่ห่างเลยเพราะไม่อยากตกเรือ

ขึ้นฝั่งที่คิทชแคน อลาสก้า นั่งเรือเล็ก 6 กรกฎาคม 2558

6 กรกฎาคม 2558 ดูอัลบัม 



วันนี้ขึ้นฝั่งแรกที่คิทชแคน อลาสก้า และไปนั่งเรือเล็กเที่ยว ชมธรรมชาติ มิสตี้ฟอร์ด Misty Fjords

ตอนป้าโอ้ทรู้ว่าเราจะลงเรือเล็ก
ป้าโอ้ทคิดว่าเรือเล็กแบบเรือยนต์ลำเล็ก
แต่พอเห็นเรือเป็นเรือเล็กที่เล็กกว่าเรือที่เราล่องมา
แต่เป็นเรือขนาดใหญ่กว่าที่ป้าโอ้ทนึกไว้
ป้าโอ้ทคิดว่าเรือที่พาไปจะแวะฝั่งให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเดินเที่ยวแต่ละจุด
(เรื่องของเรื่อง ป้าโอ้ทไม่รู้ข้อมูลในการเที่ยวแม้แต่น้อย
ทุกวันป้าโอ้ทจะรู้เมื่อได้ทำกิจกรรม) เราใช้เวลาอยู่บนเรือตั้งแต่ลงเรือ
จนกลับขึ้นฝั่ง รู้แล้วว่าทำไมบนเรือแจกกล้องส่องทางไกล
เพราะนักท่องเที่ยวจะเห็นธรรมชาติบนฝั่งด้วยการส่องกล้อง
จะเห็นจากวิดิโอ
ป้าโอ้ทไม่ได้ดูแมวน้ำอย่างใกล้ชิดตอนที่เรือจอดเพราะนักท่องเที่ยวมุงดูกันแน่น
ป้าโอ้ทใช้จังหวะนี้ถ่ายรูปกะภูเขาและฟ้ากว้างแทน สวยจริงๆ
ป้าโอ้ทนีกถึงตอนไปภูเก็ตจากเรือใหญ่ ลงคายัคมีมือพายพาเราไปดูช่องเขาอย่างใกล้ชิด
บนเรือเล็กนี้มีขนม
และเครื่องดื่มไว้บริการนักท่องเที่ยว ฟรี
! ดีหน่อย
เพราะค่าใช้จ่ายการเที่ยวไม่ได้ถูก ปกติไม่ค่อยมีอะไรเสริมจัดให้นักท่องเที่ยว
ทริปนี้มีฟรีนิดนึงก็รู้สึกดีนะ ป้าโอ้ทดื่มโกโก้ร้อนไปสองแก้ว
แต่ไม่ได้กินขนมเพราะตอนนั้นอิ่ม แต่พอดูคลิปทีไรเสียดายทุกที  ฮ่าฮ่า เผยความ งก ออกมา

ลมแรง เย็นเฉียบ หัวฟู
สังเกตจากป้าโอ้ทใส่แจ๊คเก็ตเพิ่ม เอาผ้าพันคอโผกกันหมวกปลิว
เพราะหมวกมิสเตอร์ปลิวไปแล้ว ดีที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งคว้าไว้ได้ทัน
แต่สุดท้ายมิสเตอร์ก็เสียหมวกไปกับสายลม ใช้เวลาอยู่บนเรือเล็กสองชั่วโมงมั้ง
ป้าโอ้ทจำไม่ได้แล้ว เที่ยวตั้งแต่ปีที่แล้วเพิ่งจะเขียนบล็อก

ขึ้นท่ามาตั้งใจจะเดินเที่ยว
ถ่ายรูปให้สนุก ปรากฏว่ามิสเตอร์เลือดกำเดาไหล ป้าโอ้ทจะพากลับเรือ
มิสเตอร์ไล่ให้ป้าโอ้ทไปเดินเที่ยวกับพี่แดง ป้าโอ้ทห่วงมิสเตอร์ มาเที่ยวต้องชะงักแบบนี้
มิสเตอร์บอกให้ป้าโอ้ทไปเดินเที่ยวก่อน ดีที่ตรงหลังร้านอาหารมีม้านั่งยาว
และเป็นบริเวณร่ม ป้าโอ้ทจัดการให้มิสเตอร์นอนบนม้านั่ง ซื้อน้ำเย็นมาให้
แล้ววิ่งตามพี่แดงไปเดินเที่ยว คิดว่าราวหนึ่งชั่วโมงได้ เราเดินกลับมาที่เรือ
มิสเตอร์เดินสวนมาพอดี

 

 

 ระหว่างพี่แดงกะป้าโอ้ทเดินเที่ยว ถ่ายรูปกันไป เราเข้าร้านขายของที่ระลึก มีไม้แกะสลักเยอะเชียว เดาว่าน่าจะเป็นสินค้าที่นิยมของท้องถิ่น สวย และ แพง ป้าโอ้ทอยากได้ แต่เสียดายตังค์ สุดท้ายส่องกล้องถ่ายภาพเฉยๆ และแล้ว!  เจ้าของร้านเดินมาบอกว่า “ ห้ามถ้ายรูปในร้านนะจ๊ะ  สองสาวรีบขอโทษ แล้วเพ่นออกจากร้านทันที

 

 

ตอนกลับขึ้นเรือ
มิสเตอร์เสนอว่าให้เราสองคนกลับขึ้นไปบนห้องก่อน มิสเตอร์จะรอถ่ายรูปจากตรงที่รอ
ป้าโอ้ทรีบตอบรับทันที เพราะมิสเตอร์ออกปากเอง (ดูในวิดิโอนะคะ)

96

Normal
0

false
false
false

EN-US
X-NONE
X-NONE

/* Style Definitions */
table.MsoNormalTable
{mso-style-name:”Table Normal”;
mso-tstyle-rowband-size:0;
mso-tstyle-colband-size:0;
mso-style-noshow:yes;
mso-style-priority:99;
mso-style-parent:””;
mso-padding-alt:0in 5.4pt 0in 5.4pt;
mso-para-margin:0in;
mso-para-margin-bottom:.0001pt;
mso-pagination:widow-orphan;
font-size:12.0pt;
font-family:Calibri;
mso-ascii-font-family:Calibri;
mso-ascii-theme-font:minor-latin;
mso-hansi-font-family:Calibri;
mso-hansi-theme-font:minor-latin;}

เอ! ค่ำนี้เราหม่ำอะไรกันหว่า? กว่าจะเขียนบล็อกนานจนจำไม่ได้
 ไม่มีภาพซะด้วย
เอาเป็นว่า เราจบวันด้วยการเล่นบิงโก ไม่ชนะจ้า

 

 

 

 

อยู่กลางทะเลที่ไหนสักแห่ง (พักร้อน2558 วันที่หก)

5 กรกฎาคม 2558

กลางมหาสมุทร

เข้าวันแรกบนเรือ โอโห! ลมเย็นเฉียบเลย ผิดกับเมื่อวานที่ซีเอเทิล
ตายล่ะ!
ป้าโอ้ทจัดเสื้อผ้ามามีแต่บางๆ ดีนะเอาแจ๊คเก๊ตหนาติดมาด้วยหนึ่งตัว วันนี้เราหม่ำๆ บุฟเฟต์กัน อาหารเยอะมากๆ (บุฟเฟต์จะเปลี่ยนธีมทุกวัน) คนมากินบุฟเฟต์ก็เยอะ หาที่นั่งไม่ง่าย แต่ก็หาจนได้ คนทะยอยกินเสร็จลุก มาใหม่นั่งต่อ เราสามคนไม่ได้จองที่นั่งไว้ก่อน ตักอาหารเสร็จเดินหาที่นั่ง ป้าโอ้ทเจอที่นั่งก่อน เดินหามิสเตอร์กับพี่แดงชี้ทางไป เพราะได้ที่นั่งอีกห้องถัดจากห้องอาหาร กินเยอะ เดินไกล กินอิ่ม เดินถึงหิวอีก ^_^

บนเรือมีกิจกรรมให้ทำมากมายเชียวล่ะ วันนี้มิสเตอร์เลือกบิงโก มาเราไปเล่นบิงโกด้วยกันครั้งแรกแบบเล่นกับคนเยอะๆ แผ่นบิงโกต้องซื้อเป็นชุด หนึ่งชุดมีสามเกมส์พร้อมฉลากล๊อตโต้ ประกาศรางวัลวันสุดท้าย ผู้โชคดีมีหนึ่งหมายเลขได้ล่องเรือฟรีคราวต่อไป นอกจากนั้นยังมีแผ่นภาพเสี่ยงโชค แกะแล้วจับคู่ตามตัวอย่าง ถ้าถูกรางวัลได้ตามกำหนดในนั้น มิสเตอร์ได้สองภาพ ภาพละหนึ่งดอลล่าร์ แต่ไม่ถูกหลายภาพเชียวล่ะ

มิสเตอร์ไม่ชนะบิงโกรอบนี้ บอกว่าจะมาเล่นอีก

ป้าโอ้ทลืมเล่า ตั้งแต่วันแรก ตอนเช็คอินจะได้รับแผนที่เรือมาด้วย มีทั้งหมด 14 ชั้น ในแผนที่จะบอกชัดเจนว่าอะไรอยู่ตรงไหน ในเรือมีทั้งบันได และ ลิฟท์ อยู่สามจุดด้วยกัน ไปฝั่งให้ถูกก็แล้วกัน ถ้าวันไหนขึ้นชั้นถูกแต่ผิดฝั่งต้องเดินท้ายเรือ หัวเรือ ย้อนไปเมื่อยขาทีเดียว หนึ่งรอบเรือเท่ากับ 2 2/3 ไมล์
มิสเตอร์ชอบเดินระเบียงด้านนอก ป้าโอ้ทไม่ชอบตรงที่ลมพัดมาแต่ละทีหนาวสั่นเชียว อยู่กลางมหาสมุทรลมทะเลเย็นเยือก ก่อนลงเรือได้ยินประกาศว่าอุณหภูมิน้ำ 34ฟาเรนไฮต์ อุณหภูมิอากาศ 50-60 ฟาเรนไฮต์ ลมแรงและเย็นนี่ซิ หนาวๆ เรือแล่นด้วยความเร็ว 30ไมล์ต่อชั่วโมง ถ้าคลื่นไม่แรงไม่รู้สึกว่าแล่น และไม่เวียนหัว

กิจกรรมวันนี้ที่ทำ แวะดูห้องคาสิโน วันนี้มีชั่วโมงสอนด้วย โต๊ะที่สอนเรียกว่าไรไม่รู้ แทงเบอร์ แล้วทอยลูกเต๋า จากนั้นเล่นตู้กันแป๊บ ตู้แรกลุ้นว่าจะได้แบงก์ แต่ไม่สำเร็จ มีคนมาเล่นกันเยอะ ไม่มีใครได้ แล้วมาเล่นตู้หยอดเหรียญควอเตอร์ (25เซน) จะมีตัวผลักเหรียญให้ตกลงในช่องที่เราได้ เล่นกันไปเสียหมดตรูด (เท่ากับที่แลกมา แลกมาไม่เยอะ เล่นหนุกๆ)

ตอนค่ำมิสเตอร์เล่นตอบคำถาม ถามเกียวกับหนังสือ และหนัง ป้าโอ้ทนี่ไม่รู้เรื่องเลย คำถามยี่สิบข้อ มิสเตอร์ตอบถูกเจ็ดข้อ และไม่ตอบอีกห้า หรือ หกข้อ นี่ล่ะ
มีเกมส์โชว์เหมือนในทีวี แต่ไม่รู้ว่าออกทีวีไหมนะไม่เคยดู ตลกมาก
เรียกว่า แมเรจ เกมส์โชว์ Marriage game show ให้คู่แต่งงานสามคู่ขึ้นไปบนเวที แล้วแยกหญิง กะ ชาย ให้ฝ่ายหนึ่งเข้าไปซ่อน อีกฝ่ายหนึ่งตอบคำถาม ขำตอนสองฝั่งมาเจอกันแล้วตอบคำถามไม่ตรงกันนี่ล่ะ ถ้ามิสเตอร์กะป้าโอ้ทขึ้นไปคงฮาหนักเพราะไม่รู้อะไรของกันและกันเลยจากคำถาม

ก่อนหน้ามีเกมส์ตอบคำถาม เลือกผู้แข่งขันมาสองทีม ทีมละ
หกคนถ้าจำไม่ผิด มากจากผู้ชมที่ไม่รู้จักกัน แล้วให้หัวหน้าทีมของสองทีมแนะนำว่าใคร คือใครในครอบครัวเดียวกัน (ไม่รู้จักกันแต่ให้ติ่งต่าง ตลกมาก) จากนั้นตอบคำถามที่ทางทีมงานได้สำรวจมา (จริงหรือเปล่าไม่รู้) เช่น อะไรที่ต้องเปิด คำตอบถ้ามีในข้อมูลสำรวจก็ได้คะแนนไป ตอบได้หกคำตอบ

กลางคืนเราดูการแสดงในโรงละครกัน เป็นการแสดงร้องเพลง เต้นบนเวที นักแสดงเสียงดี เต้นเก่งกันทุกคน ชอบนะ โรงละครก็โอ่โถง

มื้อเย็นเราเลือกอาหารจีน อร่อยดี

ลงเรือ วันแรก อลาสก้า (พักร้อน 2558 วันที่ห้า)

กรกฎาคม 2558

ลงเรือสำราญ ดูอัลบัมวันนี้

วันนี้ออกเดินทางแต่เช้า เครื่องบินเที่ยวหกโมงครึ่ง บินไปลงมินิอะโปลิส ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงนิด ๆ จากนั้นต่อไปซีเอเทิลใช้เวลาสามชั่วครึ่ง ถึง10:30.เวลาซีเอเทิลเร็วกว่ามินิอะโปลิสสองชั่วโมง (เรื่องเวลาของอเมริกาเนี่ยนะ ป้าโอ้ทไม่เคยจำได้เลยว่าฝั่งไหน ช้า หรือ เร็วกว่ากันแค่ไหน ต้องถามมิสเตอร์ทุกครั้ง แล้วมิสเตอร์ก็รำคาญ เอาเป็นว่าถ้าให้ข้อมูลผิดไปต้องขอโทษด้วยถึงสนามบินปลายทางเรียบร้อย ระหว่างรอรับกระเป๋า เพื่อนที่ไปกับเรามาเจอพอดี เพื่อนมาถึงสนามบินตั้งแต่ 9.30.  เพื่อนของเราคือพี่แดงจากแคลิฟอเนีย พี่แดงกะสามีพักร้อนไปแคนาดามา และพี่แดงเที่ยวต่อกับเราสองคน

 

เมื่อได้กระเป๋าแล้ว มุ่งหน้าไปท่าเรือใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีเท่านั้น ตอนแรกเราจะจอดรถแล้วหาอะไรหม่ำกันก่อน เพราะทุกคนหิว แต่เมื่อจอดรถริมทาง สองหนุ่มพยายามจ่ายค่าจอดกับตู้อัตโนมัติ ด้วยเหตุขัดข้องของตู้ทำให้จ่ายไม่ได้ สามีพี่แดงไม่อยากทิ้งของไว้ในรถ อาสาเฝ้า เราสามคนเดินข้ามฝั่งไปสำรวจเรือสำราญลำโตที่เราจะไปล่องกันในเจ็ดวันต่อไปนี้
บริเวณที่เราเดินไปดูเป็นสะพาน ด้านล่างมีถนนอีกสาย ซึ่งผ่านหน้าเรือ จุดเช็คอิน เราสามคนเดินกลับไปที่รถ ให้สามีพี่แดงขับวนไปส่งเราลง และแยกย้ายกัน


เมือสามคนลงจากรถแล้ว มองสำรวจปราดเดียว เอาล่ะ เราต้องเช็คกระเป๋า และต้องหาร้านซื้อน้ำไปด้วย เห็นหลายๆกลุ่มที่ลงเรือซื้อน้ำกันมาหลายแพค ป้าโอ้ทหาข้อมูลมาก่อนว่าบนเรือมีจุดเติมน้ำ ให้ซื้อไป ถ้าซื้อบนเรือแพง กระเป๋าที่เช็คต้องติดป้ายชื้อ เลขห้อง กระดาษชิ้นยาว ติดกาวเหมือนตอนเช็คอินในสนามบิน กระดาษสีส้มจัดวางไว้ให้บริเวณนั้น เรากรอกข้อมูลแล้วติดกระเป๋าที่จะเช็ค ถ้ามีน้ำก็ติดน้ำไปด้วย จากนั้นส่งสแกน แล้วเจ้าหน้าที่จะนำส่งถึงห้องบนเรือ ห้องบนเรือเรียกว่าเคบิน (Cabin)

 

 
ขอเล่านิดเรื่องกระเป๋า ป้าโอ้ทกับมิสเตอร์สองคนมีกระเป๋าลากใบเล็กคนละใบ เป้หนึ่ง กระเป๋าสะพายหนึ่ง ส่วนพี่แดงเพื่อนเราคนเดียวมีกระเป๋าเดินทางแบบลากสองใบ  พี่แดงคนเดียวมีเยอะกว่าเราสองคน ฮ่าฮ่า
เมื่อเช็คอินกระเป๋าแล้วก่อนเราจะเข้าไปเช็คอินตัวเอง เดินเลยไปนิดมีร้านขายของชำอยู่ ได้แวะซื้อน้ำดื่มขวดลิตรไปห้าขวด คิดว่าพอเพราะมีจุดเติม จากนั้นมุ่งหน้าไปตามแถวเช็คอิน คนเยอะมากๆ
เช็คอินต้องแสดงพาสปอร์ตอเมริกัน เราสองคนแสดงพาสปอร์ตไทยกับกรีนการ์ด เพราะเส้นทางที่เราไปต้องแวะแคนาดาด้วย เจ้าหน้าที่ถ่ายสำเนากรีนการ์ดของเราไว้ และถ่ายรูปเราสามคนทำบัตรประจำตัวบนเรือซึ่งใช้เป็นกุญแจห้องพักด้วย (ห้องพักเรียกเคบินนะคะ)

 

 

และแล้วเราก็มาอยู่บนเรือ ไปสำรวจเคบินกันก่อน แล้วค่อยไปหม่ำๆ เวลาเช็คอินเรือบ่ายสอง เรือออกสี่โมงเย็น เข้ามาใกล้ ๆ เรือนี่นะ ใหญ่โตมหึมาจริง ๆ ภายในเรือเหมือนอยู่ในโรงแรม พี่แดงบอกเหมือนอยู่ลาสเวกัส ประสบการณ์ใหม่เริ่มต้นแล้ว  เที่ยวเรือสำราญครั้งแรกของเราสามคน

ป้าโอ้ทคิดว่าร้านอาหารบนเรือแบ่งเป็นร้านที่อยู่ในแพคเกจ กับร้านที่ต้องจ่ายเพิ่มต่างหาก ใม่รู้ร้านไหนยังไง เริ่มจากร้านแรกที่เราเจอก่อนเลยบ่ายนี้ มิสเตอร์เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตรงโพเดี้ยมหน้าร้าน ได้ความว่าร้านนี้เป็น
คอมพลิเมนทารี่”  คือรวมอยู่ในแพคเกจ ยกเว้นเครื่องดื่มที่สั่งจากเคาน์เตอร์ น้ำเปล่าฟรี

 

ตลกดี ป้าโอ้ทคุยกะพี่แดงว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวเรือสำราญมือใหม่ทำอะไรไม่ถูก แต่ไม่รู้สึกเขอะเขินนะ สนุกดี เพราะพนักงานบนเรือ  90% เป็นฟิลิปินส์ มีอินเดีย อินโดนีเซียประปราย
เมื่อหม่ำกันเสร็จเดินสำรวจรอบๆ เดินไปจนถึงบริเวณสระน้ำ ซึ่งอยู่ส่วนท้ายเรือ แต่ยังไม่สุดท้าย บริเวณสุดท้ายคืออาหารบุฟเฟต์ มีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งหม่ำไป ชมวิวไป สบายใจ สบายอารมณ์
กลับมาที่สระว่ายน้ำ วันนี้เป็นวันชาติอเมริกา บนเรือไม่จุดพลุ มีปาร์ตี้ มีดนตรี มีบาร์บีคิว และคนเล่นน้ำเยอะแยะเต็มทุกสระ เราเดินวนกันไปสองรอบ ว่าจะไม่กินอะไรอีกเพราะเพิ่งกิน แต่ผ่านเตาบาร์บีคิวแล้วอดใจไม่ไหว  ป้าโอ้ทกะมิสเตอร์ถือจานอาหารเดินไปบนระเบียงไม่มีหลังคา ส่วนพี่แดงขออยู่ในร่มด้านล่าง ซึ่งไม่มีที่นั่งว่าง
แดดร้อนมากๆ ลมแรงด้วย แต่เย็นสบาย และแล้วเรือก็เคลื่อนที่ ฮูเร่ ฮู่เร่
บนเรือมีคาสิโน
ห้องออกกำลังกาย
สปา
สตูดิโอถ่ายรูป
โรงละคร
และห้องกิจกรรมอื่นๆ
ห้องเกมส์สำหรับเด็ก

 

 
วันแรกทางเรือเตรียมพร้อมกรณีฉุกเฉิน ซ้อมนักท่องเที่ยวทุกคน สอนใส่ชูชีพ โดยการเปิดสัญญาณเตือนภัยดังสนั่นเรือ ทุกคนไปพบกันที่โรงละคร และดูสาธิตการใส่ชูชีพ จากนั้นแยกย้าย ทำกิจกรรมบนเรือตามอัธยาศัย


ตอนแรกป้าโอ้ทไม่รู้ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าร้านอาหารไหนอยู่ในแพคเกจเรา ร้านไหนต้องจ่ายเพิ่ม ถามมิสเตอร์ก็ไม่บอก มารู้อีกทีมิสเตอร์เขาไม่ได้ยิน ป้าโอ้ทสังเกตเห็นในกำหนดการณ์กิจกรรมแต่ละวันจะมีรายการแจ้งไว้ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ แจ้งเวลา และ สถานที่ เราจะได้รับกำหนดการกิจกรรมทุกวันจากเจ้าหน้าที่ดูแลเคบินของเรา ตลอดเส้นทางคนเดียว เจ้าหน้าที่ดูแลเคบินเราชื่อเดฟ เป็นฟิลิปินส์
เดฟจะเข้ามาจัดแจงที่นอนให้ตอนเย็น และเก็บให้ตอนวันรุ่งขึ้น เราไม่ต้องทำเอง สบายเลย ให้ทิปแต่ละวัน วันละน้อย หลายวันไม่ได้ให้ก็รวบยอด

ห้องน้ำสบายทีเดียว น้ำร้อน น้ำเย็น มีแชมพู ครีมอาบน้ำเตรียมไว้ ผ้าเช็คตัวเปลี่ยนให้ทุกวัน

ในเคบินมีตู้ และ ชั้นวางของเพียงพอ ใส่กระเป๋าใหญ่ไว้ใต้เตียงได้ มีพอกว่าที่ป้าโอ้ทคิดไว้ ดูข้อมูลจากยูตูปมาก่อนแล้ว แต่นึกว่าจะน้อย สิ่งที่ไม่พอสำหรับป้าโอ้ทคือปลั๊กไฟ ป้าโอ้ทลืมเอาปลั๊กต่อหลายๆช่องมาด้วย แต่ทริปนี้ดีไม่ชาร์จถ่านกล้องพร้อมกัน ใช้กล้องสองตัว มิสเตอร์ใช้ตัวนึงมีถ่านสำรอง มีแต่กล้องตัวที่ป้าโอ้ทใช้นี่ล่ะชาร์จทุกวันเพราะมีถ่านก้อนเดียว อ่อ ปลั๊กในเคบินที่เห็นมีอยู่สามจุด ในเคบินมีกาต้มกาแฟ มีกาแฟเตรียมให้ ถ้าจะเอาเพิ่มบอกเดฟ
ป้าโอ้ทสัมภาษณ์เดฟมานิดหน่อยว่า ทำงานสัญญาแปดเดือนต่อครั้ง หยุดสองเดือน แล้วมาทำต่อคราวละแปดเดือน ล่องสับเปลี่ยนเส้นทาง

เอาล่ะครึ่งวันแรกของเรือสำราญจบไว้เท่านี้ก่อนพรุ่งนี้มาทัวร์เรือกันต่อเพราะเรายังไม่ขึ้นท่าไหนอยู่บนเรือกลางมหาสมุทรอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ

 

เกาะวิคตอเรีย แคนนาดา

10 กรกฎาคม 2558  ขี้นฝั่งที่เกาะวิคตอเรีย แคนนาดา เที่ยวกันสักประเดี๋ยว เวลามีน้อย มิสเตอร์เลยเดินเร็วจนสองป้าเดินตามลิ้นห้อย

ช้อปปิ้งบนเรือ

9 กรกฎาคม 2558

วันนี้อยู่บนเรือทำกิจกรรมนิดหน่อย ช้อปปิ้งร้านปลอดภาษีลดราคาวันสุดท้าย

คลิปมีเท่านี้จากกล้องเพื่อน เพราะป้าโอ้ทสะเพร่าลบภาพกล้องป้าโอ้ทนึกว่าโหลดใส่คอมฯแล้ว ดีนะไม่ได้ทำกิจกรรมบนฝั่ง

ออกเดินทางพักร้อน 2558 วันแรก จุดหมายนอร์ทดาโกต้า

30 มิถุนายน 2558


เยๆ วันที่รอคอยมาถึงแล้ว วันนี้เริ่มต้นของวันพักร้อน หลังจากรอ ร้อ รอ ตั้งแต่โรงเรียนปิดจนวันนี้ร่วมๆ สองเดือนกว่า  กำหนดเดินทางวันนี้เครื่องออกบ่ายสาม ไม่ต้องตื่นแต่เช้า มิสเตอร์เช็คอินออนไลน์ครั้งแรก สะดวกดี ถึงสนามบินเอากระเป๋าไปส่ง และไปที่ทางเข้าได้เลย ไม่ต้องเช็คอินที่เครื่องอัตโนมัติเหมือนปกติ มิสเตอร์บอกว่าอยากลองทำดู  ป้าโอ้ทยังไม่ได้กินอะไร ตื่นมามัวแต่โอ้เอ้ จนมิสเตอร์เร่ง ไม่ได้ลามังกี้ด้วย เมื่อผ่านจุดตรวจเข้ามาแล้ว แวะซื้อเพรสเซิลร้านแอนตี้แอนไปกินบนเครื่อง แหม!  ทำไมแข็งโป๊ก แต่ก็กินจนหมด หิวๆ

ป้าโอ้ทกะมิสเตอร์ได้นั่งไม่ติดกัน 13D กะ 20D ป้าโอ้ทนั่งและคุยกะมิสเตอร์ไปด้วย ผู้หญิงนั่งข้างป้าโอ้ทเสนอเปลียนที่ให้  ป้าโอ้ทรีบตอบรับทันที ใจดีจัง เขาบอกว่ามีอีกที่คือ 20B ถ้าป้าโอ้ทจะไปนั่งก็ได้ แต่เลือกให้มิสเตอร์มานั่งที่ป้าโอ้ท เมื่อผู้หญิงเขาลุก  ป้าโอ้ทถึงได้รู้ว่าสามีเขานั่งอยู่แถวหน้า เขาต้องไปนั่งไกล แต่เดาว่าคงนั่งใกล้กับลูก เมื่อผู้โดยสารนั่งกันเรียบร้อย เขาเดินมาถามสามีว่าจะเปลียนที่ไหม เดาว่าคนที่นั่งแถวนั้นคงจะเปลียนที่ให้ แต่สามีเขาไม่เปลียน อ่อ คนที่แลกที่นั่งให้เราอายุมากกว่านะ ใจดีที่สุดเลย

ประตูเครื่องบินปิดแล้วแต่ยังไม่เลื่อน สุดท้ายนักบินประกาศว่า ไปไม่ได้เนื่องจากขัดข้องบนลานบิน เครื่องบินจอดขวางด้านหลังถอยไม่ได้ ป้าโอ้ทมองไม่เห็น แต่เดาจากเสียงผู้โดยสารด้านหลังคุยกันว่า เครื่องบินคงจะเขามารอเที่ยบ แต่คิวไม่ว่างมาจอดรอขวางทางพอดี

สรุปว่าเครื่องดีเลย์ แต่ไม่สายเวลาเครื่องเที่ยวต่อ มีเวลาเกือบชั่วโมงทีเดียว  เครื่องบินลำเนี่เล็กกว่าลำที่มาจากฟิลาเดลเฟีย มีประมาณ 13 หรือ 15แถว นี่ล่ะ ป้าโอ้ทได้นั่ง 11c มิสเตอร์ 9B คนละฝั่ง แต่ห่างกันแค่แถวเดียว เมื่อถึงที่นั่งป้าโอ้ทได้นั่งติดหน้าต่าง สบายเลย แต่ยังไม่ทันคาดเข็มขัดมีคนมาหยุดแล้วบอกว่าเขานั่งตรงนี้ อุ๊บ! นี่11B ฮ่าฮ่า อีกฝั่งต่างหากนั่งกำลังคาดเข็มขัด คุณลุงแถวตรงข้ามมิสเตอร์ลุกมาด้านหลังคุยกะภรรยาว่าแลกที่นั่งกับเด็กได้ตรงนั่น จะมานั่งตรงนี้ แต่ยังไงไม่แน่ใจ  ประมาณว่าจะไม่ได้ ป้าโอ้ทเสนอแลกให้เขานั่งตรงป้าโอ้ทเพราะใกล้กับภรรยาเขา ส่วนป้าโอ้ทไปนั่งตรงนั้นใกล้มิสเตอร์ ลุกอีกรอบ  ตรงนี้วุ่นนิดหน่อย สุดท้ายป้าโอ้ท งง ลุงกะป้ามานั่งทั้งสองที่ตรงที่ป้าโอ้ทกำลังจะนั่ง มิสเตอร์ งง ไปด้วย ป้าโอ้ทกลับมานั่ง 10C

พนักงานบริการเห็นเหตุการณ์ตลอด ป้าโอ้ทบอกนางว่าถ้ามีคนนั่งตรงนี้ไอจะย้ายอีกรอบ เพราะที่นั่งของป้าโอ้ท

ว่าง สุดจริงๆ มีน้องผู้หญิงขึ้นมาคนสุดท้าย นั่งที่ว่างด้านหลังป้าโอ้ทซึ่งคือที่นั่งในตั๋วป้าโอ้ทนั่นเอง จบเรื่องที่นั่งไม่ต้องย้าย

เอ! ป้าโอ้ทไม่ได้เล่าเน่อะ วันนี้เดินทางจากสนามบินฟิลาเดลเฟีย ไป มินิโซต้า  และ ต่อไปบิสมาร์ค รัฐนอร์ทดาโกต้า จากนั้นเช่ารถขับต่อไปอีกสองชั่วโมงถึงบ้านแม่ย่า ราวๆ ห้าทุ่ม เข้าโรงแรมพักก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปบ้านแม่ย่ากัน

เล่าเรื่องตื่นเต้น ระทึกระหว่างทางนิดนึง เราแวะหม่ำๆกันก่อน หิวมากๆ แม่ย่าโทรบอกว่ามีพายุแต่ผ่านไปแล้ว เมื่อพุงเต็มพร้อมออกเดินทางได้ ระหว่างทางฝนตกหนักมากซู่ใหญ่ราวๆห้านาทีได้มั้ง มองอะไรไม่เห็นเลยฝนลงมาปิดหน้ากระจกหมด ถนนไม่มีรถด้วย ไม่เห็นไฟ ไม่เห็นถนน เห็นแต่น้ำอยู่หน้ากระจก ที่ปัดน้ำฝนก็เอาไม่อยู่ มิสเตอร์ชะลอความเร็ว เปลียนเลนส์จากซ้ายเข้าขวา ตอนนี้ป้าโอ้ทกลัวจริงๆ นึกถึงตอนขับเองวันไปบ้านเพื่อนที่บัลติมอร์ แต่ถนนรถเยอะยังพอมองเห็นไฟรถคันหน้าบ้าง แต่วันนี้ไม่เห็นอะไรเลยมีแต่น้ำบนกระจกรถ ดีนะแค่แป๊บเดียว แต่แป๊บเดียวนี่ถ้าด้านหน้ามีหลุม มีเหว หรือมีอะไรที่อันตราย ชนเข้าไปไม่รู้จริงๆ เพราะมองไม่เห็น

คืนนี้นอนก่อน พรุ่งนี้มาโม้กันต่อนะคะ